PRP (Platelet Rich Plasma)
เคล็ดลับผิวสวยสุขภาพดีจากเลือดของคุณเอง
หน้าเด็ก อ่อนเยาว์ ไร้ริ้วรอย ด้วย PRP (Platelet Rich Plasma)
นวัตกรรมความงามที่คุณต้องลอง
PRP หรือ Platelet-Rich Plasma เป็นเทคนิคการรักษาที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะในการรักษาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในกีฬาหรือกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวมาก นอกจากนี้ยังมีการใช้ PRP มาใช้ในการรักษาผมร่วง แผลเป็น รักษาบาดแผล และฟื้นฟูผิว บำรุงหน้าใส
การใช้ PRP มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นการใช้เลือดของผู้ป่วยเอง และไม่มีสารสกัด นอกจากนี้ PRP ยังมีประสิทธิภาพและประโยชน์มากมาย เช่น การลดอาการผื่นแพ้ใบหน้า รักษาฝ้า จุดด่างดำ และการบำบัดข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น ในบางกรณี PRP อาจจะถูกนำมาใช้แทนการผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงและช่วยลดอาการปวด เช่นการรักษาเข่าเสื่อม หรือ นำมาใช้ในการปลูกผมครับ ว่าแต่ PRP คืออะไร วันนี้หมอจะมาพาทำความรู้จักให้มากขึ้นครับ
รู้จักหน้าที่ของเกล็ดเลือด
เกล็ดเลือด (Platelet) หรือ Thrombocyte เป็นส่วนประกอบสำคัญในเลือดที่มีบทบาทหลักในการแข็งตัวของเลือด (Hemostasis) เพื่อป้องกันการเสียเลือดมากเกินไปเมื่อเกิดบาดแผลหรือมีการฉีกขาดของหลอดเลือด นอกจากนี้เกล็ดเลือดยังมีหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมและบำรุงรักษาหลอดเลือด
การแข็งตัวของเลือด
เมื่อเกิดบาดแผล เกล็ดเลือดจะถูกกระตุ้นให้เดินทางไปยังบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บและเกาะกลุ่มกันเป็นกระจุก (Platelet plug) เพื่อปิดรูรั่วของหลอดเลือด จากนั้นเกล็ดเลือดจะปล่อยสารเคมีที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือด (Blood clot) ที่แข็งแรงและหยุดการไหลของเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
สร้าง Growth Factor
เกล็ดเลือดมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมหลอดเลือดที่ได้รับความเสียหาย โดยการปล่อยสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth factors) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ของหลอดเลือด
การขนส่งสารต่างๆ
เกล็ดเลือดทำหน้าที่เป็นพาหนะในการขนส่งสารต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย เช่น ฮอร์โมน เอนไซม์ และสารอาหาร
การตอบสนองต่อการอักเสบ
เกล็ดเลือดมีส่วนร่วมในกระบวนการอักเสบ (Inflammation) โดยการปล่อยสารเคมีที่ช่วยดึงดูดเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่นๆ เข้ามาช่วยกำจัดเชื้อโรคและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหาย
กลไกการทำงานของเกล็ดเลือด
เกล็ดเลือดจะทำงานผ่านกระบวนการหลัก 3 ขั้นตอน ได้แก่
การเกาะติด (Adhesion)
เกล็ดเลือดจะเกาะติดกับผนังหลอดเลือดที่ได้รับความเสียหาย โดยอาศัยตัวรับบนผิวของเกล็ดเลือดและสารที่หลั่งออกมาจากผนังหลอดเลือด
การปลุกฤทธิ์ (Activation)
เมื่อเกล็ดเลือดเกาะติดกับผนังหลอดเลือด จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและปล่อยสารเคมีที่ช่วยกระตุ้นเกล็ดเลือดอื่นๆ ให้เข้ามาร่วมในกระบวนการแข็งตัวของเลือด
การรวมตัว (Aggregation)
เกล็ดเลือดที่ถูกกระตุ้นจะเกาะกลุ่มกันเป็นกระจุก (Platelet plug) และปล่อยสารเคมีที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดที่แข็งแรงและหยุดการไหลของเลือด
PRP คืออะไร
PRP ( Platelet Rich Plasma ) คือเกล็ดเลือดเข้มข้น ที่ผ่านการสกัด ปั่นแยกชั้น ด้วยเครื่องมือเฉพาะ แรงเหวี่ยงสูง ระหว่างเม็ดเลือดแดง และ พลาสม่า หรือ นำ้เหลือง ที่มีเกล็ดเลือด
ปัจจุบันการทำ PRP เป็นนวัตกรรมที่นิยมอย่างมาก เพราะสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้หลากหลาย อาทิ ในวิทยาศาสตร์การกีฬา การฉีด PRP จะช่วยให้อาการบาดเจ็บของนักกีฬาหายเร็วขึ้น แพทย์ด้านกระดูกและข้อ ใช้ PRP ช่วยให้กระดูกติดเร็วขึ้น แม้กระทั่งแพทย์ผิวหนังก็ยังใช้ PRP เพื่อให้ผิวหน้ากระจ่างใส กระชับรูขุมขน กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจน รวมไปถึงการฉีดบริเวณศีรษะเพื่อบรรเทาอาการผมร่วง ผมบาง เป็นต้น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาและฟื้นฟูเซลล์จากภายในโดยใช้เกล็ดเลือดของตัวเอง เป็นการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง
โดยการปั่นสกัดเลือดเพื่อแยกชั้นให้ได้ PRP นั้นจะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะที่จะต้องมีการตั้งค่าความเร็วที่เหมาะสม ด้วยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อแยกชั้นของพลาสมาซึ่งมีลักษณะเป็นสีเหลืองใสออกมา ซึ่งในพลาสมาประกอบด้วยเกล็ดเลือด ซึ่งแพทย์จะสกัดเกล็ดเลือดจากชั้นที่มีความเข้มข้นสูงสุดมาใช้นั่นเองครับ
ความเป็นมาของ PRP
ประวัติการรักษาด้วย PRP ต้องย้อนไปเมื่อประมาณ 50 ปี ก่อนหรือ ยุค 70’s เลยครับ
ยุค 1970 มีการคิดค้นการรักษาด้วย PRP โดยในช่วงแรกหวังผลเพื่อนำไปใช้ในการรักษาผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ และต่อมาจึงนำไปใช้ประกอบการรักษาการผ่าตัดหัวใจ
ยุค 1990 มีการประยุกต์การใช้ PRP สำหรับการรักษาแผลที่หายช้า การผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายผิวหนัง โดยอาศัยคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ รวมถึงคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้าง และการแบ่งตัวของเซลล์ใหม่
ช่วงปลาย 1990 มีการใช้ PRP ในการรักษา กระดูกหัก ที่กระดูกไม่สมานกัน ( non-union fracture )
ปี 1999 นพ. Alan Mishra ศัลยแพทย์ออรโธปิดิกส์ ได้มีการใช้ PRP ในการรักษาภาวะ เส้นเอ็นข้อเท้า Archilles tendon ฉีกขาด
ปี 2006 มีการตีพิมพ์ วารสารงานวิจัยครับว่า PRP มีคุณสมบัติพิเศษ ในการรักษาเกี่ยวกับการฟื้นฟู กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ที่ได้รับบาดเจ็บ, การฟื้นฟูบาดแผล เร่งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่, การนำมาใช้รักษาแผลเป็น แผลคีลอยด์ รวมไปถึงฟื้นฟูผิวเพิ่อความงาม
เลือดที่ผ่านการปั่นแล้ว แยกชั้นอะไรบ้าง
เลือดที่ผ่านการปั่นแยกเซลล์ออกมาแล้ว จะแยกชั้นออกมาดังนี้ครับ
ชั้นของเม็ดเลือดแดง จะตกตะกอนอยู่ชั้นล่างสุด
ชั้นของ Buffy Coat ที่ประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาว
ชั้นของ PRP ชั้นนี้จะตกตะกอน ติดกับชั้น Buffy Coat เป็นชั้นที่มีเกล็ดเลือดมากที่สุดครับ
ชั้นของ PPP หรือ Platelet Poor Plasma ชั้นนี้จะมีเกล็ดเลือดน้อยมาก มักเรียกว่าชั้นนำ้เหลือง ครับ
โดย ถ้าใช้หลอดเก็บเลือดที่ออกแบบมาเฉพาะ จะสามารถแยกชั้นของ PRP ได้ชัดเจน และสามารถได้เกล็ดเลือดสูงถึง 1.5 ถึง 3 ล้านเซลล์ครับ
กลไกการทำงานของ PRP
PRP หรือ Platelet Rich Plasma เปรียบเสมือน "ยาอายุวัฒนะ" ที่มีอยู่ในตัวเราเอง โดยมีกลไกการทำงานฟื้นฟูและรักษาที่น่าทึ่ง ดังนี้ครับ
สกัดสาร PRP จากเลือด
เริ่มต้นจากการเจาะเลือดของในปริมาณเล็กน้อย จากนั้นนำเลือดไปปั่นแยกเพื่อให้ได้ส่วนที่เข้มข้นด้วยเกล็ดเลือด (Platelet) ซึ่งเป็นแหล่งรวมของสารอาหารและ "Growth Factor" ที่สำคัญต่อการซ่อมแซมเซลล์ ครับ
นำ PRP ฉีดบริเวณที่ต้องการ
PRP ที่สกัดได้จะถูกนำมาฉีดกลับเข้าสู่บริเวณที่ต้องการรักษา ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า เส้นผม ข้อต่อ หรือบริเวณอื่นๆ ที่มีปัญหาครับ
ปล่อยพลัง Growth Factor
เมื่อ PRP เข้าสู่ร่างกาย เกล็ดเลือดจะเริ่มปล่อย Growth Factor ออกมา ซึ่ง Growth Factor เหล่านี้เปรียบเสมือน "สัญญาณ" ที่บอกให้เซลล์ต่างๆ ในบริเวณนั้นเริ่มกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเอง
กระตุ้นการสร้างใหม่
Growth Factor จะกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้ดีขึ้น
ลดการอักเสบ
Growth Factor บางชนิดยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวด บวม และลดความเสียหายของเนื้อเยื่อ ครับ
Growth Factor ใน PRP มีอะไรบ้าง
ใน PRP จะมีส่วนประกอบของ Bioactive Factors มากถึง 1,500 ชนิดเลยครับ โดยมีทั้ง โปรตีนที่ช่วยการสร้างหลอดเลือดใหม่ Growth Factors โปรตีนที่ช่วยชักนำเซลล์เม็ดเลือดขาว โปรตีนที่ช่วยการแข็งตัวของเลือด. โดยโปรตีนที่เราสนใจนั่นคือ Growth Factors ครับ
โดย Growth Factors ที่สำคัญมีดังนี้
Platelet Derived Growth Factor. ส่งเสริมการสร้าง คอลลาเจน เซลล์กระดูก
TGF beta ส่งเสริมการสร้าง คอลลาเจน ส่งเสริมการสร้างเส้นเลือดใหม่ ยับยั้งการสลายตัวของกระดูก
VEGF ส่วเสริมการสร้างเส้นเลือดใหม่. ช่วยชักนำเซลล์สร้างผนังหลอดเลือด
EGF ส่งเสริมการแบ่งตัว การสร้าง ของเซลล์ผิว
IGF ส่งเสริมการเติบโตของเซลล์. ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน
FGF ส่งเสริมการสร้าง เซลล์กระดูก เซลล์กระดูกอ่อน
PRP ใช้รักษาอะไรได้บ้าง
เรามักนำ PRP มาใช้ในการรักษาภาวะต่อไปนี้ครับ
ใช้ในการ รักษาอาการผมร่วง หรือ ปลูกผมใหม่
โดย Growth Factors ที่ผลิตได้จากเกล็ดเลือดใน PRP จะก่อให้เกิดกระบวนการสำคัญ คือยืดระยะการเจริญเติบโตของเส้นผม และเร่งกระบวนการการสร้างเส้นผมใหม่ครับ
โดย Growth Factors ที่ผลิตได้จากเกล็ดเลือดใน PRP จะก่อให้เกิดกระบวนการสำคัญหลักๆดังนี้
ยืดระยะ Anagen Phase หรือระยะการเจริญเติบโตของผมออกไป รวมถึงเพิ่มจำนวนผมใหม่ที่อยู่ในระยะ Anagen Phase
Growth factors ที่ได้จะช่วยเพิ่มการสร้างเซลล์รากผมใหม่ กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดมาเลี้ยงรากผม
เร่งระยะเปลี่ยนผ่านจาก ระยะพัก ( Telogen Phase ) กลับไปสู่ระยะสร้างผมใหม่ ( Anagen Phase )
ใช้ในการรักษาข้อเข่าเสื่อม
โดยการทำ PRP จะช่วยลดการอักเสบ ลดอาการบวมของข้อเข่า เพิ่มการสร้างผิวกระดูอ่อนข้อเข่า และเพิ่มการสร้างน้ำเลี้ยงข้อเข่า ช่วยลดอาการปวด อาการบวม อาการยึดติดของเข่า ทำให้สามารถเดิน หรือ ใช้ข้อเข่าได้สะดวกขึ้นครับ โดยกลไกต่อไปนี้ครับ
ช่วยลดอาการอักเสบภายในข้อเข่า ทำให้ช่วยลดอาการเจ็บปวด ขณะใช้ข้อเข่า ขณะเคลื่อนไหว หรือ เดิน รวมทั้งลดอาการบวมของข้อเข่าครับ
ช่วยเพิ่มการสร้างเซลล์ผิวกระดูกอ่อนข้อเข่า ซึ่งเป็นผลจากการหลั่งสาร Growth Factor ที่มีหน้าที่ในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดภายในข้อเข่าให้ดีขึ้นครับ
ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำเลี้ยงข้อเข่า ทำให้ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ลดอาการฝืด อาการยึดติด อาการเจ็บเวลาขยับข้อเข่าครับ
ใช้ในการบำรุงผิวหน้า บำรุงหน้าใส ลดเลือนฝ้า กระ
PRP ช่วยบำรุงผิวผ่านการสร้าง Growth Factors ที่ช่วยเรื่องการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน เพิ่มการไหลเวียนเลือดบนใบหน้า จึงส่งผลเรื่องผิวกระชับ อิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้า และ จุดด่างดำครับ
โดยการทำ PRP จะช่วยบำรุงผิวผ่านกลไกหลักๆดังนี้ครับ
กลไกการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดย PRP จะหลั่งสาร Growth Factor ที่สำคัญคือ EGF หรือ Epidermal Growth Factor และ PDGF หรือ Platelet Derived Growth Factor ซึ่งมีความสำคัญในการส้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน จึงทำให้ผิวดู Firm กระชับ ลดเลือนริ้วรอยแห่งไว ( ให้ได้ผลดี ควรทำหลังการ ร้อยไหม HIFU หรือ Ultraformer ทันที จะยิ่งทำให้เห็นผลชัดเจนขึ้นครับ
กลไก การลดเลือนเม็ดสี ปรับหน้าสว่างใส โดยการเพิ่มการหลั่ง Growth Factor ทั้ง EGF, PDGF และ VEGF หรือ Vascular Endothelial Growth Factor ซึ่งช่วยในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ทดแทน เพิ่มการไหลเวียนเลือดทั่วใบหน้า ซึ่งช่วยให้เม็ดสีดูจางลง และผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นครับ
กลไก การเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยการเพิ่มการไหลเวียนเลือด การเพิ่มอัตราการสร้างเส้นใยคอลลาเจนทดแทน ซึ่งช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้ดีขึ้น ผิวดูอ่อนเยาว์ โกลวใส แบบเกาหลีเลยครับ
ใช้ในการรักษา อาการบาดเจ็บของ เส้นเอ็น และ กล้ามเนื้อ
การใช้ PRP สามารถนำมารักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นอาการกล้ามเนื้ออักเสบ หรือ ได้รับอุบัติเหตุ โดย PRP มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการเจ็บปวดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ และยังเร่งการเพิ่มการสร้างหลอดเลือดใหม่ ที่ช่วยเร่งปฏิกิริยาการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายของกล้ามเนื้อ
สำหรับการรักษา เส้นเอ็นอักเสบ เส้นเอ็นฉีกขาด การใช้ PRP มีประโยชน์อย่างมาก ในการเร่งการซ่อมแซม ฟื้นฟู เส้นเอ็นส่วนที่เสียหาย หรือได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้ว เส้นเอ็นเป็นส่วนที่แทบจะไม่มี หลอดเลือดมาเลี้ยง ทำให้เมื่อมีอาการบาดเจ็บ จะมีการฟื้นตัวได้ช้า PRP จึงมีหน้าที่หลัก ในการลดการอักเสบ และเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณนี้ ทำให้มีอัตราการฟื้นตัวที่เร็วขึ้นนั่นเองครับ
ประเภทของ PRP ที่ The Hourglass Clinic
ที่ The Hourglass Clinic มีบริการ PRP ทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้ครับ
หลอด PRP แบบมาตรฐาน
เป็นหลอดชนิดที่บรรจุสารกันเลือดแข็งตัวอยู่ภายใน โดยจะเป็นหลอดเก็บเลือดที่สามารถแยกความเข้มข้นของเกล็ดเลือดได้สูงสุดที่ 3,000 ถึง 10,000 เซลล์ ต่อ 1 ซีซี เหมาะสำหรับ บำรุงผิวหน้า ลดเลือนเม็ดสี ครับ
หลอด PRP แบบ Biotin Gel
เป็นหลอดชนิดที่บรรจุสารกันเลือดแข็งตัว ร่วมกับชั้นเจล Biotin อยู่ภายใน โดยจะเป็นหลอดเก็บเลือดที่สามารถแยกความเข้มข้นของเกล็ดเลือดได้สูงสุดที่ 100,000 ถึง 300,000 เซลล์ ต่อ 1 ซีซี เหมาะสำหรับ บำรุงผิวหน้า ฟื้นฟู บำรุงรากผม ครับ
หลอด PRP แบบ Y Tube
เป็นหลอดชนิดที่ออกแบบรูปทรงพิเศษ รูปตัว Y โดยจะเป็นหลอดเก็บเลือดที่สามารถแยกชั้นของเม็ดเลือดแดง ชั้น Buffy Coat ชั้น PRP และชั้นพลาสม่า ได้ละเอียด และชัดเจนที่สุด ได้ความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูงสุดที่ 1,000,000 ถึง 3,000,000 เซลล์ ต่อ 1 ซีซี เหมาะสำหรับ ฟื้นฟูบำรุงผิวหน้า รักษาแผลเป็น บำรุงรากผม รักษาข้อเข่า เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ
เตรียมตัวก่อนทำ PRP
อยากทำ PRP แนะนำเตรียมตัวดังนี้ก่อนครับ
งดเครื่องดื่มแอลกอฮฮลล์ เครื่อดื่มชูกำลัง ชา กาแฟ ก่อนทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
งดยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS, Aspirin, Ibuprofen, Ponstan, Diclofenac เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำ
ช่วงอาทิตย์ก่อนทำ PRP ควรดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อย 2 ลิตร หรือ 8 แก้วต่อวัน
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง ก่อนมาทำ
อย่าลืม ทานอาหารให้อิ่มก่อนมาทำ ครับ ห้ามอดอาหาร
ขั้นตอนการทำ PRP
ขั้นตอนการทำ PRP มีดังนี้ครับ
ปรึกษาคุณหมอถึงปัญหาที่ต้องการแก้ไข หรือ รักษาด้วย PRP
2. ทายาชา บริเวณที่ทำการรักษา
3. ดึงเลือด เพื่อปั่นแยกเกล็ดเลือด เพื่อเตรียม PRP ประมาณ 10-15 ซีซี
4. ทำการฉีด PRP เข้าสู่บริเวณที่ต้องการรักษา
5. รับฟังข้อปฎิบัติ และคำแนะนำหลังการรักษา
ใครบ้างไม่ควรทำ PRP
กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยติดเชื้อ หรือผู้ที่มีโรคผิวหนังบางประเภท
มีผื่น หรือมีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด
ผู้ที่รับประทานยาสลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด
ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
ผู้ที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
หลังทำ PRP ต้องดูแลอย่างไรบ้าง
งดแต่งหน้า ทาครีมบำรุงหลังทำ PRP อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อให้ปากแผลปิดสนิท ป้องกันการติดเชื้อครับ
งดการสครับหน้า ล้างหน้าแรงๆ 1-2 วัน
งดว่ายน้ำ 48-72 ชั่วโมงแรก
งดเข้าห้องสตีม ซาวน่า หรืออยู่ในที่ร้อนจัด 2-3 วัน
งดนวดหน้า ทรีทเม้นท์หน้า เลเซอร์ HIFU หน้า 1 สัปดาห์
อย่าลืมทานน้ำสะอาด น้ำเปล่าเยอะๆ 2-3 ลิตรต่อวัน ในช่วง 1 อาทิตย์แรก ครับ
รีวิว PRP
คำถามที่พบบ่อย
-
PRP หรือ Platelet Rich Plasma คือ สารสกัดจากเลือดของเราเองที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว
-
PRP ทำมาจากเลือดของผู้เข้ารับการรักษา โดยนำเลือดไปปั่นแยกเพื่อให้ได้ส่วนที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูง
-
PRP ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแผลเป็น หลุมสิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ลดอาการปวด บวม อักเสบของข้อต่อและกระดูก และช่วยสมานแผล เร่งการฟื้นฟูผิว
-
คุณหมอจะทายาชาหรือฉีดยาชาเฉพาะที่ก่อนทำการรักษา จึงไม่ค่อยเจ็บมากนัก อาจมีอาการรู้สึกเหมือนมดกัดหรือเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
-
เริ่มจากการเจาะเลือด นำเลือดไปปั่นแยก แล้วนำ PRP ที่ได้มาฉีดกลับเข้าสู่บริเวณที่ต้องการรักษา
-
ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
-
ควรทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง ทุก 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
-
ผลลัพธ์ของ PRP ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
-
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ อาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปได้เองภายใน 1-2 วัน
-
สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่มีโรคเลือด, ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด, ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคมะเร็ง
PRP ทำที่ไหนก็ได้??
ตรงนี้หมอขอแนะนำ ว่าให้ทำ PRP กับคุณหมอที่เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ เพราะบางบริเวณ อาจจะต้องมีการเจาะเข้าไปในข้อ เพื่อทำการฉีด PRP เข้าไป รวมถึงจะต้องคำนึงถึงารเตรียม PRP ว่าจะต้องได้คุณภาพ ใช้หลอดปั่นเลือดที่ออกแบบมาเฉพาะ สามารถแยกชั้นของ Buffy Coat และชั้นของ PRP ออกมาได้จริง ไม่มีเซลล์เม็ดเลือดแดง เจือปน ซึ่งเสี่ยงต่ออาการแพ้ ที่อาจตามมาได้หลังการทำ PRP นั่นเองครับ
และนี่ก็คือ เทคโนโลยี PRP หรือ การนำประโยชน์จากเกล็ดเลือดในร่างกายของเรา เพื่อนำมาใช้ในการรักษา ป้องกัน บรรเทา อาการเจ็บป่วย รวมถึงฟื้นฟูดูแลสุขภาพของเราครับ
สุดท้ายนี้ ถ้าใครมีปัญหา หรือสงสัยเกี่ยวกับ PRP หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก ที่นี่ ได้เลยครับผม
จองคิวปรึกษาคุณหมอ
DISCOVER YOUR ELEGANCE
ค้นพบความสง่างามในตัวคุณ จองคิวเพื่อพบคุณหมอของเราตอนนี้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
สาขาบางนา โทร 0928576683
สาขาทองหล่อ โทร 0989767698